top of page
  • รูปภาพนักเขียนmoo mall

เน็ตเวิร์คโซเชียลคอมเมิร์ซ v.s. ธุรกิจเครือข่าย




ถ้าเราย้อนเวลากลับไป 30กว่าปีที่แล้ว ในยุค 80-90

เป็นช่วงที่ธุรกิจเครือข่ายเริ่มเติบโต

ผู้คนที่เข้ามาทำธุรกิจเครือข่ายในช่วงนั้น

ต้องพยายามอธิบายกับผู้คนถึงความแตกต่างระหว่าง

“การตลาดแบบเครือข่าย”

กับ

“การตลาดแบบขายตรง”

และ “แชร์ลูกโซ่” (การขายแบบพีระมิด)

.

.

ซึ่งหนังสือเล่มหนึ่งที่นักธุรกิจเครือข่ายนิยมใช้เป็นตำราอ้างอิงหลัก

ในการอธิบายความแตกต่างและโมเดลธุรกิจของการตลาดแบบเครือข่าย

ชื่อว่า “10 Napkin Presentation”

หนังสือเล่มนี้ อธิบายโดยสรุปว่า การตลาดแบบเครือข่าย

เป็นการกระจายสินค้าซึ่งเน้นการสร้างและพัฒนาองค์กร

ให้ทุกคนมีความเป็นผู้ประกอบการที่จะสามารถขายและขยายทีม

ด้วยการชวนคนเข้าสู่ธุรกิจ ซึ่งต่างจาก ขายตรง

ซึ่งเน้นความสามารถในการขายให้ได้ปริมาณมากๆ หรือ

แชร์ลูกโซ่ ซึ่งไม่เน้นการขายและการกระจายสินค้า

.

.

ปี 2010 - 2013 ธุรกิจเครือข่ายไทยมียอดขายสุทธิรวมเติบโตขึ้นทุกปี

จาก 6 หมื่นล้านบาท ขึ้นมาที่ 7 หมื่นล้านบาท

และแกว่งขึ้นลงอยู่ในช่วง 68,000-71,000 ล้านบาท

ตั้งแต่ปี 2014-2017 ข้อมูลล่าสุดจากสมาคมขายตรงไทย (TDSA)

บ่งชี้ว่า ปี 2019 ธุรกิจเครือข่ายไทย มียอดขายสุทธิรวม

ตกลงมาอยู่ที่ 69,800 ล้านบาท เพราะพิษเศษฐกิจไทย

และธุรกิจออนไลน์เติบโตทำให้นักธุรกิจซึ่งเป็นแม่ทีมของบริษัทต่างๆ

หันมาผลิตสินค้าขายเอง ผ่านทางออนไลน์เพิ่มมากขึ้น

.

ในขณะที่ธุรกิจเครือข่ายไทยมียอดการเติบโตที่เริ่มช้าและตกลง

มูลค่าของธุรกิจอีคอมเมิร์ซกลับเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด

จาก 7.68 แสนล้านบาทในปี 2013 เป็น 2.03 ล้านล้านบาท

ในปี 2014 และ 3.15 ล้านล้านบาท ในปี 2018 ตามลำดับ


.

.

ซึ่งเบื้องหลังการเติบโตแบบก้าวกระโดดของธุรกิจอีคอมเมิร์ซนี้

มาจากการเติบโตของพฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ต

และสื่อสังคมออนไลน์ (Social media) ของคนไทย

โดยมีรายงานว่า ในปี 2019 คนไทยจำนวน 57 ล้านคนเข้าถึงอินเทอร์เน็ต

คิดเป็นร้อยละ 82 ของประชากรไทยทั้งหมด และ 51 ล้านคน

ใช้งาน social media เป็นประจำ คิดเป็นร้อยละ 74 ของประชากรทั้งหมด

.

.

นอกจากนี้ คนไทยใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมงต่อวันอยู่กับโซเชียลมีเดีย

และ มีมูลค่าการใช้จ่ายผ่านแอปพลิเคชั่น มากกว่า 1.6 หมื่นล้านบาท (ปี 2018)

ซึ่งสื่อสังคมออนไลน์นี้ ทำหน้าที่เชื่อมโยงธุรกิจอีคอมเมิร์ซ

กับเนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้นสื่อสารเข้าถึงกันได้สะดวกยิ่งขึ้น

จนเติบโตเป็นธุรกิจที่เรียกว่า โซเชียลคอมเมิร์ซ (Social commerce)

หรือ โซเชียล อีคอมเมิร์ซ (Social e-commerce)



.

.

ในปัจจุบัน ธุรกิจโซเชียลคอมเมิร์ซ ได้พัฒนารูปแบบเครื่องมือที่แตกต่างกัน

ในการดึงดูดผู้ใช้จำนวนมากเข้ามาใช้งานแอปพลิเคชั่น

หนึ่งในเครื่องมือสำคัญในการดึงดูดผู้ใช้ก็คือ การแนะนำต่อ (referral)

ซึ่งในบทความนี้ จะขอเรียกว่า เน็ตเวิร์ค โซเชียล คอมเมิร์ซ (Network social commerce)

โมเดลของแพลตฟอร์มเน็ตเวิร์คโซเชียลคอมเมิร์ซ

จะนำค่าการตลาดที่เก็บจากเจ้าของสินค้ามาจ่ายให้กับผู้บริโภค

ผ่านการแนะนำ (referral) และสร้างเครือข่ายของผู้บริโภค

ซึ่งคล้ายกับธุรกิจเครือข่ายซึ่งอาศัยการแนะนำ (แบบปากต่อปาก) เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม เน็ตเวิร์คโซเชียลคอมเมิร์ช

ยังคงมีความแตกต่างจากโมเดลของธุรกิจเครือข่ายที่ทำออนไลน์

.

.

ตรงที่ ธุรกิจเครือข่าย จะต้องนำเสนอสินค้าและบริการ

ที่เป็นของบริษัทตนเองให้ผู้บริโภคซื้อ และมุ่งเน้นการเข้าประชุมออฟไลน์

เพื่อสร้างความเชื่อในบริษัท สินค้า และแผน

ในขณะที่เน็ตเวิร์คโซเชียลคอมเมิร์ซ จะขายสินค้าผ่านแพลตฟอร์ม

ซึ่งเป็นสินค้าที่มีจำหน่ายทั่วไปและเป็นแบรนด์ที่ผู้บริโภครู้จักอยู่แล้ว

และจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายบนแพลตฟอร์ม

ให้เกิดการซื้อและแนะนำต่อตามธรรมชาติ

.

.

บริษัทหนึ่งที่เป็นต้นแบบของธุรกิจเน็ตเวิร์คโซเชียลคอมเมิร์ซ

ที่ประสบความสำเร็จอย่างชัดเจน ได้แก่ บริษัท Yunji

บริษัท Yunji เป็นบริษัทสตาร์ทอัพสัญชาติจีนที่ก่อตั้งปี 2015

และใช้เวลาไม่นานในการสร้างความร่วมมือทางกลยุทธ์

กับแบรนด์สินค้าต่างๆ ชั้นนำ เพียงแค่ 2 ปี Yunji

สามารถสร้างยอดขายต่อปีได้มากกว่า 1 หมื่นล้านหยวน

หรือ กว่า 4 หมื่นล้านบาท และเข้า IPO ในตลาดหลักทรัพย์ของอเมริกาได้ในปี 2019

.

.

ย้อนกลับมาดูสถานการณ์ในปัจจุบัน ปี 2020 นี้

เกิดโรคระบาดทั่วโลกจากไวรัสโควิด 19

ในประเทศไทยเองรัฐบาลต้องออกมาตรการควบคุมโรคระบาดอย่างเข้มข้น

เช่น มาตรการการเว้นระยะห่างทางสังคม ซึ่งด้วยมาตรการต่างๆ นั้น

ส่งผลกระทบกับธุรกิจแทบทุกส่วนรวมถึงธุรกิจเครือข่าย

ซึ่งใช้การจัดประชุมเป็นเครื่องมือหลักในการขยายธุรกิจ

แต่ในขณะที่ธุรกิจอีคอมเมิร์ซซึ่งกลไกเกือบทุกส่วนอยู่ในรูปแบบออนไลน์อยู่แล้ว

ปัญหาของโรคระบาด จึงส่งผลไม่นานนัก

กลับทำให้ธุรกิจอีคอมเมิร์ซสามารถโตต่อได้

ดังจะเห็นได้จากระดับความนิยมในการค้นหาการซื้อสินค้า

และบริการในประเทศไทย กลับมีทิศทางสูงขึ้นในช่วงการระบาดของไวรัสโควิด19

.

.


หากมองจากแนวโน้มดังกล่าวแล้ว

อาจมองได้ว่าในอนาคตธุรกิจเครือข่ายเองอาจจะต้องปรับตัวมากขึ้น

หรืออาจถูกแทนที่ด้วยโมเดลของเน็ตเวิร์คโซเชียลคอมเมิร์ซเลยก็เป็นได้

.



.

อ้างอิง

www.etda.or.th


ดู 22 ครั้ง0 ความคิดเห็น
bottom of page